วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต

นานาสาระที่นำมาฝากกันวันนี้ เทคนิคการเลี้ยงการดูแลหัวใจเจ้าตูบให้มีสุขภาพจิตใจแจ่มใส มีความสุขนั่นเองค่ะ ว่าแต่เราจะมีวิธีดูแลสุขภาพจิตใจของน้องหมากันยังไงบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ ...

1. มอบอ้อมกอด ส่งต่อความรู้สึกดีให้เจ้าตูบ

 

Dogilike.com :: 5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต

     เพื่อน ๆ เชื่อไหมคะว่า ปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้น้องหมามีสุขภาพจิตที่ดี และเป็นน้องหมาที่มีอารมณ์ดีได้นั้นมาจากความรัก ความอบอุ่นที่น้องหมาได้รับจากเจ้าของ ... ถ้าหากผู้เลี้ยงอยากให้น้องหมามี่สุขภาพจิตดี ร่าเริง และมีความมั่นคงทางอารณ์ สิ่งหนึ่งที่ผู้เลี้ยงไม่ควรละเลยก็คือ การรู้จักแบ่งเวลาในชีวิตประจำวันมาให้กับน้องหมาอย่างสม่ำเสมอ โดยผู้เลี้ยงควรแบ่งเวลาพาน้องหมาไปเดินเล่น หรืออาจจะสัมผัสร่างกาย เช่น การกอด การอุ้มน้องหมา ลูบตัว ฯ น้องหมาเป็นประจำ เพราะการเล่นหรือสัมผัสน้องหมาจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างน้องหมาและผู้เลี้ยง น้องหมาจะรู้สึกและรับรู้ได้ถึงความรักความอบอุ่นจากเจ้าของ ทำให้น้องหมารู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย หรือพูดง่าย ๆ ว่า การให้เวลากับน้องหมาเป็นประจำนั้นจะส่งผลให้น้องหมามีอารมณ์ดีและมีสุขภาพจิตที่ดีนั่นเองค่ะ

     การมีสุขภาพจิตที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับน้องหมามาก ๆ เลยนะคะ เพราะเมื่อน้องหมามีสุขภาพจิตที่ดี ไม่เครียด ก็จะช่วยให้น้องหมามีนิสัยน่ารัก ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว และยังช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรค หรือเกิดความเจ็บป่วยในน้องหมาได้ เช่นเดียวกับคนเราที่เมื่อเรามีสุขภาพจิตใจที่แข็งแรง สุขภาพกายก็จะดีตามไปด้วยยังไงล่ะคะ

     ฉะนั้น ผู้เลี้ยงจึงจำเป็นที่จะต้องแบ่งเวลาการให้ความรักกับน้องหมาด้วยสัมผัสน้อง หมาเป็นประจำ โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความ แบ่งเวลา ... เติมความรักให้น้องหมาอย่างถูกวิธีเพื่อฟิตหัวใจเจ้าตูบแสนรักของเราให้แข็งแรงกันได้เลยค่ะ

2. ฝึกน้องหมาให้เข้าสังคม
 


Dogilike.com :: 5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต

     ใครจะเชื่อล่ะคะว่า การฝึกน้องหมาให้เข้าสังคม จะช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตดีได้ ... การฝึกน้องหมาให้เข้าสังคม โดยการหมั่นพาน้องหมาไปพบปะกับน้องหมาตัวอื่น ๆ อยู่เป็นประจำ เรียกได้ว่า เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้น้องหมามีสุขภาพจิตที่ดีได้ค่ะ เพราะน้องหมาจะได้พบกับผู้คนรวมถึงได้ปฏิสัมพันธ์และสามารถปรับตัวเข้าหาน้องหมาตัวอื่น ๆ ได้ ทำให้น้องหมาไม่ตื่นกลัวหรือตกใจง่าย เป็นการสร้างความมั่นใจเพื่อให้น้องหมาเติบโตมาเป็นน้องหมาที่มีอารมณ์มั่นคง ผ่อนคลาย เป็นมิตร และไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวนั่นเองค่ะ

     โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ควรให้น้องหมาเริ่มเรียนรู้ทักษะการเข้าสังคมก็คือ เมื่อน้องหมาอายุได้ปะมาณ 3-4 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่น้องหมาจะเริ่มเรียนรู้ประสบการณ์การต่าง ๆ  และสร้างการจดจำทั้งดีและไม่ดี ผู้เลี้ยงจึงต้องดูแลน้องหมาในวัยนี้เป็นพิเศษค่ะ

     สำหรับการฝึกน้องหมาให้เข้าสังคมที่ดีที่สุดคือ การหมั่นพาน้องหมาไปพบปะกับสังคมภายนอก เช่น พาน้องหมาไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ พาไปเที่ยวต่างจังหวัด  พาน้องหมาไปเดินงานแฟร์สำหรับสุนัข พาน้องหมาไปทำความรู้จักกับน้องหมาของเพื่อนบ้าน ฯลฯ ฉะนั้น เพื่อน ๆ ก็อย่าลืมหมั่นพาน้องหมาออกไปพบปะน้องหมากันบ้างนะคะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาก็อาจจะพาน้องหมาออกไปพบปะสังคมอาทิตย์ละครั้งก็ได้ค่ะ รับรองว่า น้องหมาของเพื่อน ๆ จะมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ได้ผ่อนคลายความเครียดจากการต้องอุดอู้อยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน ๆ อย่างแน่นอนค่ะ

3. ฝึกทักษะด้วยการเสริมแรงทางบวก
 


Dogilike.com :: 5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต
     ทุกครั้งที่ผู้เลี้ยงจะฝึกทักษะและระเบียบต่าง ๆ ให้กับน้องหมา เพื่อน ๆ ใช้วิธีในการฝึกกันยังไงบ้างคะ? ... หลาย ๆ คนอาจจะเลือกใช้วิธีดุ ตี เพื่อให้น้องหมาทำตามคำสั่งหรือทำในสิ่งที่เราต้องการ แต่รู้หรือไม่คะว่า การใช้วิธีการฝึกแบบนี้จะทำให้น้องหมาหวาดกลัว รู้สึกไม่มั่นคง เกิดความเครียด สุขภาพจิตย่ำแย่ และอาจมีปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าวเกิดขึ้นในอนาคตได้

     ดังนั้น เพื่อเป็นการฝึกทักษะอย่างได้ผลและไม่ทำเกิดความเครียดที่จะส่งผลต่อสภาพจิตใจของน้องหมา แนะนำว่า ผู้เลี้ยงควรฝึกน้องหมาโดยใช้วิธีที่สร้างความรู้สึกดีให้แก่น้องหมาในช่วงเวลาฝึกทักษะ หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า การใช้กฏการเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcement) มาใช้ฝึกน้องหมา โดย วิคตอเรีย สติลเวลล์ (Victoria Stilwell) ผู้ฝึกและแก้ปัญหาพฤติกรรมสุนัขจากประเทศอังกฤษ ก็ได้ใช้กฏการเสริมแรงทางบวกในการฝึกและแก้ปัญหาพฤติกรรมไม่ดีของน้องหมาเช่นกัน โดยวิธีการฝึกของเธอจะไม่ดุ ฝึกวินัยอย่างเข้มงวด หรือใช้ความรุนแรงในทุกกรณี แต่จะเพิ่มพลังทางบวกคอยเสริมแรงจูงใจให้น้องหมาทำตามคำสั่ง ตามกฏระเบียบแทนค่ะ

     สำหรับการฝึกน้องหมาโดยใช้การเสริมแรงทางบวกนี้ เพื่อน ๆ ก็สามารถทำได้ ไม่ยาก เพียงแค่ให้ผู้เลี้ยงใช้ความอ่อนโยน ความอดทน และความใจเย็นเข้ามาเป็นตัวช่วยในการฝึกทักษะต่าง ๆ ให้กับน้องหมา โดยอาจนำขนม ของเล่นสุดโปรดของน้องหมามาล่อเพื่อให้น้องหมาทำตามคำสั่ง เมื่อน้องหมาทำตามคำสั่งก็ให้มอบคำชม ซึ่งจะทำให้น้องหมารู้สึกดีในการฝึก มีอารมณ์มั่นคง และรู้สึกมีคุณค่าขึ้นมานั่นเองค่ะ

     แต่ในกรณีที่น้องหมาทำพฤติกรรมที่ไม่ดีก็ให้ผู้เลี้ยงเพิกเฉย หรือเลิกทำกิจกรรมที่ทำอยู่ทันที น้องหมาก็จะรับรู้ได้ว่า หากไม่ทำตามคำสั่งก็จะไม่ได้รับอาหาร  น้องหมาก็จะค่อย ๆ เรียนรู้และยอมทำตามคำสั่งเพื่อให้ได้รางวัลในครั้งต่อ ๆ ไปโดยที่เราไม่ต้องบังคับ ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยสานความสัมพันธ์ที่ดีให้แก่น้องหมากับผู้เลี้ยงได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ

4. ให้ของเล่นเสริมพัฒนาการ
 


Dogilike.com :: 5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต

     ของเล่นสำหรับน้องหมา เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้น้องหมามีสุขภาพจิตที่ดีได้เช่นกันค่ะ เพราะการมอบของเล่นให้กับน้องหมา จะทำให้น้องหมาเกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนาน ผ่อนคลายความเครียดช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ให้กับน้องหมาได้อีกด้วยค่ะ ...

     สำหรับของเล่นของน้องหมาในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะถูกผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าของที่ต้องการเสริมสร้างทักษะในด้านต่าง ๆ ให้กับน้องหมา  เช่น ของเล่นที่ยืดหยุ่นได้ ของเล่นที่สามารถกินได้ ของเล่นเสริมทักษะพิเศษต่าง ๆ เช่น ของเล่นที่สามารถใส่ขนมไว้ด้านในเพื่อให้น้องหมาได้เรียนรู้ และคิดวิธีการแก้ไขปัญหาในการนำขนมออกมาจากของเล่นได้ โดยของเล่นเหล่านี้จะช่วยให้กับน้องหมาได้ฝึกสมอง ฝึกความจำ ไหวพริบ ทำให้สมองน้องหมาทำหน้าที่ได้ดี และยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อน้องหมามีอายุที่มากขึ้นค่ะ 

     ดังนั้น ผู้เลี้ยงก็ควรเลือกของเล่นที่เหมาะกับน้องหมาแต่ละตัว โดยเราอาจจะดูว่า ต้องการของเล่นที่เสริมสร้างทักษะในด้านไหน และควรเลือกขนาดของเล่นให้เหมาะกับน้องหมา ไม่ควรมอบของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ให้กับน้องหมาสายพันธุ์ใหญ่เพราะน้องหมาอาจเคี้ยว หรือกลืนเข้าปากได้ และในน้องหมาสายพันธุ์เล็ก ผู้เลี้ยงก็ไม่ควรเลือกของเล่นชิ้นใหญ่เกินไป แต่ควรเลือกของเล่นที่น้องหมาสามารถคาบเล่นพอดีกับขนาดของปาก และที่สำคัญคือ ผู้เลี้ยงควรต้องตรวจดูวัสดุของเล่นว่า ผ่านมาตราฐานการรับรองหรือไม่ เพราะเคยมีกรณีที่ของเล่นที่ผลิตจากพลาสติกที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อน้องหมากัดแทะของเล่นก็ทำให้น้องหมาเจ็บป่วยได้

     สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังตัดสินใจเลือกของเล่นให้กับน้องหมาไม่ได้ก็สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่บทความ เลือกของเล่นเสริมทักษะให้สุนัข ได้เลยค่ะ

5. ดูแลสิ่งแวดล้อมและที่อยู่อาศัย


Dogilike.com :: 5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต
     การดูแลรักษาความสะอาดสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของน้องหมาให้ถูกสุขลักษณะ ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้น้องหมามีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงได้นะคะ ... เพื่อน ๆ ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าหากน้องหมาต้องอาศัยอยู่ในกรง หรือสภาพแวดล้อมรอบตัวที่สกปรกไม่ได้รับการดูแล ก็อาจจะทำใหเกิดปัญหาเห็บหมัดมาตั้งรกรากเพาะพันธุ์กัดกินเลือดของน้องหมาจนทำให้เกิดความรำคาญ หรือเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ จากความสกปรกได้

     ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงควรจัดการทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของน้องหมาให้สะอาดอยู่เสมอ โดยผู้เลี้ยงควรดูแลสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ

     - พื้น ควรทำความสะอาดขัดล้าง พื้นบริเวณที่น้องหมาอาศัยอยู่เป็นประจำ และอาจจะใช้วิธี ผสมน้ำยากำจัดเห็บหมัดที่มีส่วนประกอบของ Permethrin หรือ Pyrethrin ฉีดพ่นพื้นปูนซีเมนต์ บนพื้นสนามหญ้า ตามพุ่มไม้ ผนังรอบ ๆ ตัวบ้าน โดยเฉพาะรอยแตกร้าวตามซอกมุมต่าง ๆ  บริเวณซอกกรง บริเวณที่น้องหมาชอบแอบไปนอน หรือส่วนที่คิดว่าเห็บอาจจะอาศัยอยู่ได้ โดยหลังจากการพ่นยากำจัดเห็บแล้ว ควรงดไม่ให้น้องหมาออกมาวิ่งเล่นในบริเวณที่ฉีดน้ำยาเป็นเวลา 1-2 วัน เพราะน้องหมาอาจจะสัมผัสกับสารเคมีที่ตกค้างอยู่ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาได้

     - กรง ควรทำความสะอาดกรงน้องหมาอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพราะตามซอกกรงอาจเป็นที่เพาะพันธุ์เห็บหมัดได้ และควรเปลี่ยนถาดรองฉี่ที่อยู่ด้านล่างกรงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของน้องหมา

     - เบาะหรือที่นอน ควรตรวจดูเบาะเป็นประจำ หากพบอึ หรือมีกลิ่นฉี่ของน้องหมาก็ควรถอดเบาะออกไปซักและตากจนแห้งสนิท ไม่ควรปล่อยให้น้องหมานอนทับอึ ฉี่ของตัวเองเพราะจะเกิดการหมักหมมของเชื้อโรค และฉี่อาจจะกัดผิวหนังของน้องหมาจนเกิดแผลอักเสบ เป็นโรคผิวหนังได้

     - ถ้วยน้ำ ชามอาหาร ควรทำความสะอาดถ้วยน้ำ ชามอาหาร และเปลี่ยนน้ำสะอาดให้น้องหมาเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันการเกิดแหล่งเพาะเชื้อโรคที่อาจส่งผลให้น้องหมาเกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น ท้องเสีย โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร รวมถึงไม่ควรทิ้งอาหารปรุงสุกไว้ข้ามคืน เพราะอาหารอาจบูด เน่าเสียได้

Dogilike.com :: 5 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจเจ้าตูบให้แจ่มใสไปชั่วชีวิต


     เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับวิธีดูแลจิตใจน้องหมาให้แจ่มใส่ทั้ง 5 วิธี ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ? ยังไงแล้วเพื่อน ๆ ก็อย่าลืมดูแลหัวใจน้องหมา ทุก ๆ วันเพื่อน้องหมาจะได้มีสุขภาพจิตที่ดี มีอายุยืนยาวมากยิ่งขึ้นค่ะ ^_^

บทความโดย: Dogilike.com
http://www.dogilike.com/

ภาพประกอบ :
https://www.flickr.com/photos/emeryway/3157067479
https://www.flickr.com/photos/cryrolfe/2853810247
http://www.hdwallpaperscool.com/pitbull-dog-new-wallpapers/
http://clickalifecoachblog.com/
ติดตาม Pet Dream Design ได้ที่ https://www.facebook.com/lamoon.chiangsong 

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?

โรคภูมิแพ้เป็นหนึ่งในภาวะเรื้อรังที่พบมากที่สุดในประชากรของประเทศไทย โดยเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ทำหน้าที่ป้องกันร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก ร่างกายจะมีการตอบสนองไวเกินกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้ สำหรับโรคภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นกับคนเรานั้นมักจะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะแพ้เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง แมลง หรือบางคนก็แพ้ขนสัตว์ เช่น ขนของแมว ขนน้องหมา ฯ

     เทคนิคการเลี้ยงการดูแล วันนี้ ปังปอนด์ก็เลยจะพาเพื่อน ๆ ที่แพ้ขนน้องหมา หรือมีสมาชิกในบ้านแพ้ขนน้องหมา แต่อยากที่จะเลี้ยงน้องหมา หรือมีน้องหมาอยู่ภายในบ้าน มาเรียนรู้วิธีป้องกันความเสี่ยงและดูแลตัวเองให้สามารถอยู่ร่วมกับน้องหมาได้อย่างมีความสุขกันค่ะ  

 

ขนสุนัขทำให้เกิดภูมิแพ้จริงหรือ?

 

Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?

     หลาย ๆ คนที่เลี้ยงน้องหมาอาจจะสงสัยกันอยู่ว่า เส้นขนเล็ก ๆ บาง ๆ น้องหมาแสนรักที่ดูนุ่มสลวยนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้จริงหรือ? ซึ่งต้องขอบอกเลยค่ะว่า จริง ๆ แล้วสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในน้องหมานั้นไม่ใช้เส้นขนของน้องหมาหรอกค่ะ แต่สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในน้องหมาคือโปรตีนที่อยู่ในเศษขี้ไคล น้ำลายและฉี่ของน้องหมาต่างหาก ที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้ โดยบางคนอาจจะแสดงอาการแพ้ออกมา เช่น การไอ คันตา มีน้ำตาไหล น้ำมูกไหล จามคัดจมูก หายใจลำบาก หอบหืด ผื่นคันขึ้นที่ใบหน้า คอ แขนขาและลำตัว เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้มักกำเริบหลังสัมผัสน้องหมาประมาณ 30 นาที แต่ในบางรายก็อาจแสดงอาการในเวลาหลายชั่วโมงก็ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกาย และความรุนแรงของการแพ้ค่ะ
 
Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?

      ดังนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะไม่ให้อาการภูมิแพ้กำเริบหรือกำเริบน้อยที่สุด นั่นก็คือ การรู้จักหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตัวเราแพ้  โดยก่อนที่จะเลือกหรือตัดสินใจเลี้ยงน้องหมา เราก็อาจศึกษาหาสายพันธุ์น้องหมาที่อยู่ในพวก Hypoallergenic Dogs หรือน้องหมาที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ คือน้องหมาที่ไม่ผลัดขนหรือผลัดขนน้อยมาเลี้ยง เช่น ชิสุ , มอลทีส , ยอร์เชียร์ เทอร์เรีย , อิตาเลียน เกรย์ฮาวน์ , บอสตัน เทอร์เรีย , ไชนีส เครสเต็ด , พูเดิ้ล ฯลฯ ซึ่งน้องหมาเหล่านี้ ขนจะไม่ค่อยร่วง ทำให้มีโอกาสไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้น้อยกว่าน้องหมาที่ผลัดขนบ่อย ๆ ค่ะ
หรือในครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมาอยู่ก่อนแล้ว เพื่อน ๆ ก็อาจสามารถทำได้ตามวิธีต่าง ๆ เพื่อช่วยลดอาการแพ้  ให้น้องหมาอยู่ร่วมกันกับคนแพ้ขนน้องหมาอย่างมีความสุขได้ ดังนี้เลยค่ะ


จัดบริเวณให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน

Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?
    เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องลงมือทำเป็นอันดับแรกสำหรับบ้านที่มีคนแพ้ขนสุนัขอาศัยอยู่ นั่นก็คือ การจัดบริเวณให้น้องหมาอยู่เป็นสัดส่วน โดยผู้เลี้ยงอาจจะใช้ กรง ที่กั้นคอกจำกัดพื้นที่ไม่ให้น้องหมาเดินได้อย่างอิสระ ให้น้องหมาอยู่ห่างจากบริเวณที่ผู้แพ้ขนน้องหมาอาศัยอยู่พอสมควร เพื่อจำกัดพื้นที่การหลุดร่วงของขนน้องหมาไม่ให้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณบ้าน บริเวณที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาควรเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาที่เพียงพอ และง่ายต่อการดูแลทำความสะอาดด้วยก็จะยิ่งดีมาก  ๆ เลยค่ะ

    สำหรับครอบครัวที่เลี้ยงน้องหมาให้อยู่ภายในบ้าน แนะนำว่า ให้ผู้เลี้ยงจัดแบ่งพื้นที่ให้กับน้องหมาอย่างชัดเจน โดยอาจจะหาเครื่องฟอกอากาศเข้ามาติดตั้งเพื่อช่วยฟอกอากาศภายในบ้านให้สดชื่นขึ้น พร้อมกับหมั่นดูแลทำความสะอาดห้องนั่งเล่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยที่ดี

     ในกรณีที่ผู้เลี้ยงแพ้ขนน้องหมา แนะนำว่า ไม่ควรให้น้องหมานอนในห้องนอนหรือนอนร่วมเตียงนอนเดียวกัน เพราะขนน้องหมา ขี้ไคล น้ำลาย สะเก็ดรังแคต่าง ๆ ของน้องหมามีโอกาสที่จะหลุดร่วงและฝังตัวในหมอน ผ้าปูที่นอน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ค่ะ



ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ
 
Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?

     สำหรับในครอบครัวที่มีคนแพ้ขนน้องหมา การรักษาความสะอาดบ้าน ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเลยค่ะ โดยแนะนำว่า ให้ใช้วิธีดูดฝุ่นเน้นตามซอกมุมต่าง ๆ ภายในบ้าน  เช่น บนพื้น รอยต่อของไม้ ซอกประตู หน้าต่าง ทำความสะอาดที่นอน โซฟา โต๊ะ ตู้ ฯลฯ เป็นประจำแทนการใช้ไม้กวาดกวาดพื้นบ้าน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของขนน้องหมาไม่ให้ปลิวไปทั่วบ้าน และกำจัดเศษขนน้องหมาที่หลุดร่วงออกมา ถูบ้านด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อทุกวันเพื่อป้องกันไรฝุ่น ฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ตามพื้น พร้อมกับหมั่นทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

     หากภายในบ้านมีเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ แนะนำให้ใช้ผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ พ่นด้วยน้ำยาขัดเงาเฟอร์นิเจอร์ หรือสเปรย์กำจัดฝุ่นที่ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ สเปรย์จะช่วยกำจัดขนน้องหมาซึ่งมีไฟฟ้าสถิตย์ ทำให้เอาขนน้องหมาออกได้ง่ายขึ้นและยังลดโอกาสที่ขนน้องหมาจะกลับมาติดอีกด้วยค่ะ และหากต้องการกำจัดขนน้องหมาออกจากพื้นผิวหุ้มเบาะหรือผ้าปูที่นอน แนะนำให้เพื่อน ๆ สวมถุงมือยางที่จุ่มน้ำเปียกหมาด ๆ มาถูบนพื้นผิวหุ้มเบาะหรือผ้าปูที่นอน ขนน้องหมาจะเกาะติดที่ถุงมือออกมาอย่างง่ายดายเลยล่ะค่ะ
 
Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?

     สำหรับบ้านที่เลี้ยงน้องหมาไว้ภายในบ้านก็อย่าลืมที่จะนำพรมเช็ดเท้าที่เป็นตัวเก็บกักเก็บขนน้องหมาและฝุ่นมาซักทำความสะอาดและดูดฝุ่นออกเป็นประจำ พร้อมกับกำจัดเห็บอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์เพราะเห็บอาจกัดสมาชิกในครอบครัวที่เป็นภูมิแพ้ ทำให้เกิดอาการแพ้มากยิ่งขึ้นได้ โดยการใช้ยาพ่นกำจัดเห็บที่มีส่วนผสมของ Pyrethrin หรือ Permethrin ที่มีฤทธิ์ฆ่าเห็บมาฉีดพ่นตามฝาผนัง ซอกต่าง ๆ ที่เห็บมักจะเข้าไปหลบและฝังตัวอยู่

     สิ่งสำคัญ ในขณะพ่นยากำจัดเห็บก็อย่าลืมที่จะใส่หน้ากากป้องกันการสูดดมยา และควรป้องกันสมาชิกในบ้านที่เสี่ยงได้รับสารเคมี เช่น ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ลูกหลาน สัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ให้ออกจากพื้นที่ในขณะฉีดพ่นก่อน และรอจนกว่าสารเคมีจะแห้งจึงค่อยปล่อยให้สมาชิกในบ้านเข้าบ้านได้ค่ะ ... การทำความสะอาด และพ่นยาภายในบ้านเป็นประจำจะช่วยป้องกันและช่วยลดจำนวนของเห็บลงได้เป็น จำนวนมาก รวมถึงยังช่วยกำจัดแมลงอื่น ๆ ภายในบ้านได้อีกด้วยค่ะ (อ่านเพิ่มเติมบทความ เห็บ!! ศัตรูตัวร้ายของน้องหมาที่ต้องกำจัด)

     สำหรับ ผู้เลี้ยงที่เป็นภูมิแพ้ที่มักจะทำงานบ้าน เช่น ทำความสะอาดบ้าน ทำสวน ฯ เป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แนะนำว่า ให้สวมใส่ถุงมือทุกครั้งที่ลงมือทําสวนเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสโดนสารคัดหลั่ง เช่น ฉี่ อึ ที่น้องหมาอาจขับถ่ายทิ้งเอาไว้บนพื้นดินและหญ้า และสวมเสื้อแขนยาวก่อนทำความสะอาดบ้านทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสโดนกับเส้นขนของน้องหมาที่ปลิวอยู่ในอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดการกระตุ้นการเกิดอาการภูมิแพ้ด้วยนะคะ


หมั่นอาบน้ำแปรงขนให้น้องหมา
 
Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?
     ผู้เลี้ยงควรดูแลอาบน้ำทำความสะอาดน้องหมาเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และแปรงขนน้องหมาเพื่อสางขนชุดเก่ารวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามตัวน้องหมาออก ซึ่งการแปรงขนให้น้องหมาเป็นประจำจะช่วยนวดกระตุ้นให้ต่อมไขมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขน ทำให้ผิวหนังและเส้นขนของน้องหมาชุ่มชื้น และช่วยขจัดรังแค สิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากผิวหนัง และยังช่วยลดการหลุดร่วงของขนน้องหมาได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ

     และสำหรับผู้เลี้ยงหลาย ๆ คนมักจะเข้าใจว่า การจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ เช่น อาบน้ำให้น้องหมา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะสามารถช่วยให้ร่างกายของน้องหมาสะอาดมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ เพราะว่า ในความเป็นจริงแล้วการที่เราจับน้องหมาอาบน้ำบ่อย ๆ จะเป็นการทำลายไขมันที่ร่างกายน้องหมาผลิตออกมาเคลือบผิวหนังและเส้นขน ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวหนังและเส้นขนหยาบ แห้ง ขาดความเงางาม ก่อให้เกิดอาการคันในน้องหมาบางตัว และอาจทำให้น้องหมาเป็นโรคผิวหนังอักเสบ เกิดสะเก็ดรังแคได้ ซึ่งถ้าหากมีอาการรุนแรงผิวหนังก็อาจจะติดเชื้อและกลายเป็นโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้ และแน่นอนค่ะว่า คงไม่ดีกับผู้ที่แพ้ขนน้องหมาอย่างแน่นอน
 
Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?

    ทางที่ดีเราควรอาบน้ำให้น้องหมาประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเปลี่ยนมาแปรงขนบ่อย ๆ และตัดขนน้องหมาให้สั้นลง โดยอย่าลืมเน้นตัดขนบริเวณจุดที่สำคัญ คือ ขนบริเวณรอบดวงตา รอบปาก ขนใต้อุ้งเท้า รอบก้น ใต้ท้อง เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นขนแทนการอาบน้ำบ่อย ๆ จะดีกว่านะคะ (อ่านเพิ่มเติม กรูมมิ่งน้องหมาอย่างมืออาชีพ ... ทำเองก็ได้ง่ายจัง)

     ส่วนในน้องหมาที่มีปัญหาสุขภาพผิวหนังและเส้นขน แนะนำว่า ให้พาน้องหมาไปปรึกษาขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์จะดีที่สุด และอาจจะหาวิตามิน หรือน้ำมันปลาบำรุงผิวหนังและเส้นขนมาให้น้องหมากินก็จะช่วยให้น้องหมามีสุขภาพผิวหนังและเส้นขนที่ดีแล้วล่ะค่ะ


หมั่นล้างมือหลังเล่นกับน้องหมา

 
Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?
     นอกจากที่ผู้เลี้ยงจะดูแลทำความสะอาดบ้าน และอาบน้ำให้น้องหมาเป็นประจำแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้แพ้ขนน้องหมาควรระมัดระวังคือ หลังเล่นกับน้องหมาก็ควรล้างมือล้างให้สะอาดทุกครั้ง และถ้าหากเราเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับน้องหมา ก็อย่าลืมที่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยหลังจากที่เล่นกับน้องหมาเสร็จ เพื่อลดการเกิดอาการแพ้หลังจากที่เล่นกับน้องหมากันด้วยนะคะ

     และสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่จะช่วยให้ผู้เลี้ยงลดการเกิดอาการแพ้นั่นก็คือ การสวมเสื้อให้น้องหมาเวลาน้องหมาอยู่ในตัวบ้าน ซึ่งการใส่เสื้อผ้าให้น้องหมาจะสามารถช่วยลดการกระจายของเศษขี้ไคลจากผิวของน้องหมาลงไม่ให้ฟุ้งลอยไปในอากาศลงได้นั่นเองค่ะ ...
 
Dogilike.com :: อยู่กับสุนัขอย่างไร เมื่อตัวเราเป็นภูมิแพ้?

     ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ สำหรับวิธีป้องกัน จัดการให้คนที่แพ้ขนน้องหมาสามารถอยู่ร่วมกับน้องหมาแสนรักได้ เพียงแค่เราต้องรักษาเรื่องความสะอาด และหลีกเลี่ยงอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นเพียงเท่านี้ เพื่อน ๆ ที่รักสัตว์แต่แพ้ขนน้องหมาก็สามารถอยู่ร่วมกันกับน้องหมาได้อย่างมีความสุขแล้วล่ะค่ะ
 
บทความโดย : dogilike.com


ภาพประกอบ :
http://bunkblog.net/dog-health/hypoallergenic-dog-breeds
http://www.sterlingshelter.org/pets-may-protect-children-from-allergies/sneezing-child-with-dog
http://www.webmd.com/allergies/ss/slideshow-pets-and-allergies
http://www.moveoneinc.com/blog/europe/hypoallergenic-dogs/
http://www.momgoesgreen.com/one-fab-chemical-free-furniture-polish/
http://www.petsugar.com/latest/pet-peeves
http://www.dog-obedience-training-review.com/brushing-your-dog.html
http://resprofsp.com/hand-washing-101/
ติดตาม Pet Dream Design ได้ที่ https://www.facebook.com/lamoon.chiangsong