วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีแปรงขนให้น้องหมาที่เป็นสังกะตัง



วิธีแปรงขนให้น้องหมาที่เป็นสังกะตัง


   

Smiley วิธีแปรงขนแก้สังกะตัง Smiley


ปัญหาการดูแลสุขภาพขน และผิวหนังของน้องหมา ให้สวยเป็นเงางาม ดูดี ตามธรรมชาติของสุนัขแต่ละสายพันธ์ นับว่าเป็นปัญหาอันดับต้นๆของผู้เลี้ยงเลยที่เดียว โดยเฉพาะน้องหมาพันธ์ขนยาว ลูกค้าหลายๆท่านมักจะถามผมอยู่บ่อยๆว่า " เราก็แปรงขนให้น้องหมาของเราทุกวันทำไม่ ขนยังพันกันเป็นสังกะตังอีกล่ะ " จริงๆแล้วการดูแลสุขภาพขนสุนัข ก็ไม่ได้ยากเย็น อย่างที่หลายๆท่านคิด เพียงแต่ว่า คุณผู้เลี้ยงสุนัข อาจจะยังทำได้ไม่ถูกวิธีมากนัก วันนี้ผมจะขอแนะนำการการการแก้ใขสภาพขนเสีย ขนที่เป็นสังกะตัง แบบ ช่างมืออาชีพ โดยผมจะคำนึงถึงผลลับหลังจากการแก้ใขขนที่เป็นสังกะตัง ว่าต้องไม่เสียขนไปมาก,ไม่ทำให้ผิวหนังของน้องหมาอักเสบ( อาจมีร่องรอยแดงๆบ่างแต่ต้องไม่มากถึงขั้นอักเสบ),น้องหมาไม่เจ็บตัวมากเกิน กว่าเหตุ จะพยายามเขียนให้เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่เพื่อนๆ และพี่,ป้า,น้า,อา ชาวบล๊อกแก๊ง ทุกท่านจะสามารถทำเองที่บ้านได้



Smiley เริ่มจากให้เราสำรวจ สภาพเส้นขน และผิวหนังของน้องหมา ให้ทั่วทุก ตารางนิ้ว สำรวจ ตรวจดูด้วยตา พร้อมกับใช้มือลูบลงไปที่เส้นขน ด้านนอกก่อน ว่าน้องหมาของเรามีสภาพเส้นขนเป็นอย่างไรบ้าง เช่น ขนแห้ง หยาบ หรือมีขนนุ่มมันเป็นเงางาม ลองนิ้วมือจับที่เส้นขนซัก 2-3 เส้น ในตำแหน่งตํ่ากว่าครึ่งของความยาวของเส้นขน " บริเวณเกือบปลายขนนั่นเเหละ ครับ " แล้วออกแรงดึงพอประมาณ ถ้าเส้นขนขาดกลาง อย่างง่ายดาย แสดงว่าขนของน้องหมาเราเริ่มที่จะไม่แข็งแรงแล้วครับ ในกรณีที่ขนนุ่มเป็นเงางาม ไม่ขาดง่าย แสดงว่าน้องหมาของเรามีสุขภาพขนที่ดีอยุ่แล้ว แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้าม คือ ขนแห้งหยาบ หลุดร่วงง่าย การแก้ใขก็ต้องมาดูกัน ตั้งแต่เรื่องอาหารการกินเป็นอันดับแรก ว่ามีสารอาหารครบถ้วนเหมาะสมหรือไม่ ลองลงมาก็จะเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับสุนัขอาจไม่เหมาะสม แนวทางการแก้ใขก็คือ 1.การดูแลเรื่องอาหารการกิน ,การให้วิตามินบำรุงขน และผิวหนัง 2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น แชมพู,สเปรย์บำรุงและฟื้นฟู สภาพขน ที่มีคุณภาพ ฯลฯ



หลัง จากเช็คภายนอกเรียบร้อยแล้ว เราจะเริ่มเช็คขนเข้าไปด้านในกันบ้าง ต้องมีตัวช่วยแล้วครับ นั่นก็คือ หวีเหล็ก ให้ใช้มือ ร่วมกับหวีเหล็ก ตรวจหา สังกะตัง จากล่างขึ้นบน คือจากปลายเท้าขึ้นไปหาลำตัว และจากขนชั้นใน ออกมาด้านนอก ให้ทั่วทุกซอกทุกมุม ถ้าน้องหมาตัวไหนไม่มีก้อนสังกะตัง ที่แน่นหนามาก ก็สามารถใช้หวี,แปรง,และอุปกรณ์ แก้ใขขนได้ไม่ยุ่งยากอะไรครับ แต่ถ้าตรงกันข้าม น้องหมามีก้อนสังกะตังที่ติดกันแน่นอันนี้ก็ต้องออกแรงกันหน่อย ครับ การแก้ใขก็คือ การสลายก้อนสังกะตัง โดยจะมีเครื้องไม้เครื้องมือ 3-4 อย่าง และจะขาดเสียมีได้ก็คือ ผลิตภํณ์ ที่ช่วยสลายสังกะตัง มีให้เลือกใช้กันหลายยี่ห้อ ตามสะดวกครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาลุยกัยเลยครับ




น้องหมาที่มาเป็นนายแบบ ในวันนี้ หลังจากตรวจเช็ค เจอตำแหน่งกลุ่มขนที่พันกัน เยอะพอสมควร กระจายอยู่ทั่วตัวให้เราใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยสลายสังกะตัง สเปรย์ลงไปทีก้อนสังกะตัง ให้ครบทุกตำแหน่งที่เราเช็คเจอ ใช้นิ้วมือบีบที่ก้อนขนเพื่อให้ตัวยาซึมเขาสู่ก้อนขนอย่างทั่งถึง ปล่อยทิ้งไว้ ซัก 10 นาที เพื่อให้ตัวยาทำงาน ตัวยาจะช่วยทำให้ก้อนขนคลายความแน่นลง มีความลื่น ทำให้แก้ขนออกได้ง่ายขึ้น และยังช่วยลดอาการเจ็บให้กับสุนัข



ใช้ นิ้วมือค่อยๆฉีกที่ก้อนขน ดังภาพด้านซ้าย เพื่อคลายความแน่นของสังกะตัง ฉีกแบ่งขนจากก้อนใหญ่ เพื่อย่อยให้เล็กลงทำแบบนี้ให้ทั่วทุกตำแหน่งที่เราฉีดนํ้ายาไว้ ผมแนะนำว่าควรจะใช้เวลากับขั้นตอนฉีกแก้ขนนี้ให้มากๆหน่อย เหตุผลก็คือ การทำงานในขั้นต้อนนี้ น้องหมาของเราจะไม่เจ็บตัว ไม่เกิดความเครียด ทั้งยังจะช่วยให้การทำงานในขั้นตอนต่อไปจะง่ายขึ้นอีกด้วย หลังจากแก้ขนด้วยมือเสร็จแล้ว ก็จะเป็นดั่ง ภาพด้านขวา สังกะตังถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลงและคลายความแน่นลงมากแล้ว แต่ยังไม่หมดนะครับด้านในยังมีก้อนสังกะตังอยู่



ขั้น ตอนต่อไป ผมเลือกใช้ หวีสางสังกะตัง (Mat Comb) ช่วยในการย่อยก้อนขนด้านใน ให้เล็กลงอีก ในขั้นตอนนี้จะเริ่มมีการเสียขนบางส่วนบ้างแล้วนะครับ จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยูกับการทำงานในขั้นตอนที่ผ่านมา (ถ้าในขั้นตอนการฉีกแก้ขนเราทำได้ดี เราสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย ) ให้เราใช้ Mat Comb สางสังกะตัง เฉพาะในบริเวณที่มีสังกะตังหลงเหลืออยู่เท่านั้น เพื่อลดการสูญเสียเส้นขน เนื่องจากลักษณะของหวีชนิดนี้ ซี่ของหวีสางสังกะตัง จะมีลักษณะคลายใบมีด มีควาคมด้านเดียว ปลายมน มาเรียงซ้อนๆกัน เวลาใช้งานจะสอดซี่หวีเข้าใปใต้ก้อนสังกะตังเเล้วค่อยๅดึงกลับในทิศทางด้าน บนเอียงเข้าหาต้วผู้แปรง ในขั้นตอนนี้ อาจทำให้น้องหมาเจ็บที่ผิวหนังเล็กน้อย ควรทำด้วยความระมัดระวัง



ขั้น ตอนสุดท้ายของการแก้สังกะตัง ต้องมีอุปกรณ์เพิ่มอีก 1 อัน นั้นคือ แปรงลวด (Slickey brush ) ใช้แปรงสลิกเกอร์แปรงให้ทั่วโดยเฉพาะในบริเวณที่เราย่อยก้อนขนไว้แล้ว แปรงออกให้หมด เริ่มจากด้านล่างขึ้นบน และจากด้านในออกนอก (การใช้แปรงชนิดนี้ไม่ควรออกแรงกดลงไปที่ตัวสุนัขมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง) สลับกับการใช้หวีเหล็ก หวีเช็คว่ายังมีก้อนขนหลงเหลืออยู่หรือไม่ ตามจุดอับต่างๆเช่น หลังหู กกหู,จั๊กกะแร้,โคนขาด้านใน ใช้หวีเหล็กในจุดที่ สลิกเกอร์เข้าไม่ถึง ค่อยๆสางออกให้หมด

Smiley เมื่อ ได้ทำทุกขั้นตอนที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ก็ให้นำน้องหมาไปอาบนํ้าเพื่อชำระสิ่งสกปรก แล้วอย่าลืม !! ตัดเล็บ เช็ดหูให้น้องหมาด้วยนะครับ
 


   
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ  จาก
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=pedilon&date=19-05-2010&group=15&gblog=1

ติดตาม Pet Dream Design ได้ที่ https://www.facebook.com/lamoon.chiangsong 

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!


เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วสำหรับคนรักสุนัขว่า ย่อมต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสุนัขของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่เรื่องอาหารการกิน หรือเรื่องสุขภาพ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อให้สุนัขมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ... แต่รู้กันไหมเอ่ยว่า ในบางครั้งความห่วงใย และความหวังดีของผู้เลี้ยงที่มีมากจนเกินไปนั้น ก็อาจกลายเป็นการทำร้ายสุนัขทางอ้อมแบบไม่รู้ตัว!

     เพราะฉะนั้นวันนี้ปังปอนด์ก็เลยจะชวนเพื่อนๆ มาสำรวจดูพฤติกรรมของตัวเราเองกันค่ะว่า เราเป็นผู้เลี้ยงที่มีพฤติกรรมที่ถือว่าเป็นความห่วงใยน้องหมาที่ผิดวิธีกันหรือเปล่า ...

 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
 

กินข้าวเสร็จ ... ต่อด้วยขนม
 

Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
     เชื่อว่าผู้เลี้ยงหลายๆ บ้าน เมื่อให้อาหารมื้อหลักอย่างอาหารสำเร็จรูปแก่น้องหมาเสร็จแล้ว ก็มักจะให้ขนมขบเคี้ยวแก่น้องหมา เพราะคิดว่าน้องหมาก็เหมือนเราที่กินข้าวเสร็จแล้วก็ต้องต่อด้วยขนมหวานตบท้ายใช่ไหมคะ?

     แต่เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า การที่ผู้เลี้ยงมอบขนมให้แก่น้องหมาเป็นการห่วงใยที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะเพราะว่าในความเป็นจริงอาหารสำเร็จรูปสำหรับน้องหมานั้นมีสารอาหารมากเพียงพอต่อมื้อสำหรับน้องหมาอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้เลี้ยงต้องให้อาหารแก่น้องหมาในปริมาณที่ระบุตามข้อมูลโภชนาการข้างๆ กล่องเท่านั้นเองค่ะ ...

     แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงบ้านไหนยืนยันที่จะให้ขนมแก่น้องหมาเป็นรางวัล หรือน้องหมาที่บ้านชอบกินขนมขบเคี้ยวมาก ><" ... ปังปอนด์ก็ไม่ได้ห้ามเสียทีเดียวนะคะ เพียงแต่ว่าผู้เลี้ยงต้องคำนวณ และอ่านข้อมูลโภชนาการที่ระบุอยู่ข้างซองขนมด้วยค่ะว่า ในขนม 1 แท่ง มีประมาณแคลอรี่เท่าไหร่ ให้แค่น้องหมาไหนถึงจะพอดี โดยผู้เลี้ยงต้องคอยใส่ใจในการควบคุมปริมาณอาหารเพื่อน้องหมาจะได้มีสุขภาพดีนะคะ
 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!

     เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เจ้าความห่วงใยดีๆ ที่เราอยากจะมอบให้น้องหมาอาจจะทำให้น้องหมาเกิดปัญหาสุขภาพ และอาจกลายเป็นหมาอ้วนเพราะผลจากตัวผู้เลี้ยงเอง เหมือนข่าวนีคอลัมน์ Dailydog นี้ค่ะ วิจัยชี้! ขนมขบเคี้ยวสุนัขปนเปื้อนแบคทีเรีย แถมทำสุนัขอ้วนหมาหรือหมู! ลาบราดอร์น้ำหนักเกินถูกสั่งรีดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ,ตะลึง! ดัชชุนอ้วนที่สุดในโลก สัตวแพทย์เร่งรีดน้ำหนัก

 

อากาศร้อนต้องพัดลม และไอศกรีม เท่านั้น!!
 

Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
     ถึงหน้าร้อนทีไรเชื่อว่าผู้เลี้ยงหลายๆ บ้านคงต้องเป็นกังวัลอย่างแน่นอนว่า น้องหมาจะร้อน และไม่สบายตัวจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ... ผู้เลี้ยงหลายๆ คนจึงเลือกวิธีคลายร้อนให้น้องหมาด้วยการให้น้องหมากินไอศกรีม หรือไม่ก็เลือกที่จะเปิดพัดลมไอน้ำให้กับน้องหมาเพราะคิดว่าเป็นวิธีคลายร้อนที่ดีที่สุดสำหรับ (มนุษย์) น้องหมาใช่ไหมคะ?

     จริงอยู่ที่การให้น้องหมากินไอศกรีมสามารถคลายร้อนให้น้องหมาได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องค่ะเพราะว่า ในไอศกรีมมีส่วนผสมของนมวัว และน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรืออาหารที่มีรสหวานเหล่านี้ เป็นอาหารที่มีพลังงานสูง หากน้องหมาไม่ได้ออกกำลังกาย พลังงานที่เหลือในปริมาณมากก็จะทำให้น้องหมารู้สึกหงุดหงิดและแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความ จริงหรือไม่ ที่เขาว่ากันว่า สุนัขกินของหวานแล้วจะดุขึ้น!!!
 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!

      ส่วนกรณีที่ผู้เลี้ยงบางบ้านเปิดพัดลมไอน้ำให้กับน้องหมาในหน้าร้อนนั้น ต้องขอบอกเลยค่ะว่า เป็นการห่วงใยน้องหมาที่ผิดวิธี เพราะการเปิดพัดลมไอน้ำให้น้องหมาจะทำให้น้องหมาปอดชื้น หรือเป็นปอดบวมได้ค่ะ

     สำหรับการคลายความร้อนให้น้องหมาในหน้าร้อนผู้เลี้ยงสามารถทำได้ง่ายๆ หลายวิธี เช่น ตั้งน้ำเย็นสะอาดไว้ให้น้องหมากินหลายๆ จุด ให้น้องหมาอยู่ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก หรือจะปรับแต่งทรงขนน้องหมาให้สั้นลง ตัดขนบริเวณอุ้งเท้าที่มีต่อมเหงื่อเป็นจำนวนมากเพื่อระบายความร้อน และไม่เกิดความอับชื้น ทำความสะอาดร่างกายให้น้องหมา พาน้องหมาไปวิ่งเล่น หรือหากิจกรรมทำร่วมกัน เพียงเท่านี้น้องหมาเค้าก็มีความสุข และได้คลายเครียดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดแล้วค่ะ หรือเพื่อนๆ สามารถศึกษาได้จากบทความ วิธีง่ายๆ คลายร้อนให้น้องหมา 

 

อาบน้ำให้น้องหมาบ่อยๆ จะได้สะอาด ...
 

Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!

     การอาบน้ำทำความสะอาดให้กับน้องหมาถือเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญ แต่สำหรับผู้เลี้ยงบางคนที่ชอบอาบน้ำให้น้องหมาบ่อยๆ เพราะคิดว่าน้องหมาก็เหมือนคนที่ต้องอาบน้ำทุกวัน เช้า – เย็น เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเลยค่ะ ...

     เพราะว่า การที่ผู้เลี้ยงอาบน้ำให้น้องหมาบ่อยเกินไป จะทำลายไขมันที่ร่างกายน้องหมาผลิตออกมาเคลือบผิวหนังและเส้นขน ซึ่งส่งผลทำให้ผิวและเส้นขนหยาบ แห้ง ขาดความเงางาม และอาจก่อให้เกิดอาการคันในน้องหมาบางตัวได้ และอาจส่งผลให้น้องหมาเป็นโรคผิวหนังอักเสบ ซึ่งถ้าหากมีอาการรุนแรง ผิวหนังก็สามารถติดเชื้อได้ค่ะ
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!

     ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความถี่ในการอาบน้ำให้น้องหมานั้นจะอยู่ที่ 1 - 2 ครั้ง ต่อหนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงคนไหนที่คิดว่า 1-2 ครั้ง ต่อหนึ่งเดือนมันน้อยเกินไป เพราะน้องหมาชอบเล่นซนจนสกปรกบ่อยๆ ก็สามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเฉพาะจุดที่สกปรก หรืออาจจะใช้โฟมอาบแห้งที่มีคุณสมบัติในการช่วยกำจัดแบคทีเรียและยีสต์ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์แทนก็ได้ค่ะ ...
 

อากาศหนาวต้องใส่เสื้อ

Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
 

     การใส่เสื้อให้น้องหมาในหน้าหนาวไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดไปซะทีเดียวค่ะ ... แต่ผู้เลี้ยงควรต้องดูด้วยว่า น้องหมาของผู้เลี้ยงนั้นมีสายพันธุ์ และลักษณะของสภาพขนเป็นแบบไหน เพราะหากเป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่สามารถทนกับสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดีอย่าง ไซบีเรียน ฮัสกี้ หรือน้องหมาที่มีขน 2 ชั้น หรือขนฟูอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อให้ค่ะ เพราะสำหรับน้องหมาขนยาว การมีขนปกคลุมร่างกายไว้ก็เหมือนกับมีเสื้อกันหนาวพกติดตัวไว้นั่นเองค่ะ และในช่วงหน้าหนาวผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงการพาน้องหมาขนยาวไปตัดขนด้วยนะคะ
 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
     แต่ถ้าหากเป็นน้องหมาสายพันธุ์ที่ทนต่อความหนาวไม่ค่อยได้ หรือน้องหมาที่มีขนสั้นอย่าง สายพันธุ์ชิวาวา ก็ควรหยิบเสื้อเนื้อหนากว่าปกติมาใส่ให้ในช่วงหน้าหนาว และดูแลจัดเตรียมที่นอนอุ่นๆ ให้น้องหมาได้หลบความหนาว น้องหมาจะได้ไม่เป็นหวัด หรือปอดบวมได้ค่ะ

     ทั้งนี้ การใส่เสื้อให้น้องหมาผู้เลี้ยงต้องดูจากหลายๆ ปัจจัย อย่างเช่นว่า สภาพอากาศและอุณหภูมิในในขณะนั้นสูงต่ำมากแค่ไหน และเหมาะแล้วหรือที่จะใส่เสื้อให้กับน้องหมาค่ะ ซึ่งรวมถึงผู้เลี้ยงต้องใส่ใจเรื่องความสะอาดของเสื้อผ้าน้องหมาด้วยนะคะ ถ้าหากเสื้อผ้าน้องหมาเปรอะเปื้อนแล้วก็ควรถอดออกมาซัก และตากจนแห้งสนิทเพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น โดยผู้เลี้ยงควรสังเกตความสกปรก และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องหมาเป็นประจำ เพื่อความสะอาด ถูกสุขลักษณะค่ะ ^^”
 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
 

บำรุงขนน้องหมาแบบจัดเต็ม!


Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
     การที่ผู้เลี้ยงใส่ใจดูแล และพิถีพิถันเรื่องสุขภาพน้องหมาถือเป็นเรื่องที่ดีและไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ... แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงดูแลน้องหมามากจนเกินความจำเป็น ก็อาจจะทำให้น้องหมาเกิดปัญหาสุขภาพได้เหมือนกันนะคะ

     อย่างเรื่องการดูแลเส้นขนของน้องหมา หากผู้เลี้ยงละเลยการดูแลเรื่องขนของน้องหมาก็อาจทำให้ขนน้องหมาเกิดเป็นสังกะตังได้ แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงดูแลและพิถีพิถันมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกันค่ะ
 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!

     และตัวอย่างเคสหนึ่งที่ปังปอนด์เคยเจอคือ เป็นคู่รักคู่หนึ่งที่ชอบหาผลิตภัณฑ์บำรุงขนต่างๆ มาใช้กับน้องหมา ทั้งสบู่ ครีมนวด ครีมหมักขน สเปรย์ เซรั่มบำรุง น้ำหอม ฯลฯ เพราะอยากให้น้องหมาสะอาด หอม น่ากอด แต่ไม่ได้คำนึงว่า การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงขนหลายๆ ชนิดนี้อาจไประคายเคืองผิวหนัง เกิดการแพ้ และผิวหนังอักเสบจนขนหลุดร่วงได้ ...

     เห็นไหมคะว่า บางครั้งการที่ผู้เลี้ยงละเลยหรือให้ความสำคัญกับสุขภาพน้องหมามากจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลเสียได้ เพราะฉะนั้นผู้เลี้ยงก็ควรใส่ใจน้องหมาแบบพอดีๆ โดยผู้เลี้ยงต้องศึกษาข้อมูลสายพันธุ์น้องหมาของผู้เลี้ยงว่าเป็นน้องหมาที่มีลักษณะขนแบบไหน มีจุดไหนที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ แล้วค่อยเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงขนที่เหมาะกับสภาพขนของน้องหมาแต่ละตัว เพื่อสุขภาพผิวหนังและขนที่นุ่มสลวยค่ะ หรือจะดูแลขนน้องหมาง่ายๆ กับบทความ กรูมมิ่งน้องหมาอย่างมืออาชีพ ... ทำเองก็ได้ง่ายจัง

คนกินได้ หมากินก็ต้องดีสิ!!


Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!
     องุ่นอร่อยจัง เดี่ยวแบ่งให้น้องหมากินบ้างดีกว่า! ... ความคิดแบบนี้คงต้องเคยเกิดขึ้นกับผู้เลี้ยงที่อยากแบ่งปันสิ่งที่เราคิดว่าดีให้กับน้องหมาใช่ไหมคะ?

     การที่เพื่อนๆ แบ่งปันความรัก ความห่วงใยให้กับน้องหมาถือเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ค่ะ แต่คงไม่ใช่กับเรื่องอาหารที่ผู้เลี้ยงต้องละเอียด และพิถีพิถันกันสักหน่อยค่ะ เพราะว่า อาหารบางชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีประโยชน์ที่ดีต่อคน อย่างเช่น องุ่น กระเทียม ช็อกโกแล็ต เนย หรือแม้แต่นมวัวที่มนุษย์อย่างเราๆ คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ... แต่สำหรับน้องหมาแล้วอาหารเหล่านี้อาจจะเป็นเหมือนยาพิษอ่อนๆ สำหรับน้องหมาเลยหล่ะ
 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!

     หรือใครที่บอกว่า น้องหมาก็กินอาหารชนิดนี้ได้ ชนิดนั้นได้ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ... ก็อย่าชะล่าใจไปนะคะ เพราะว่าอาการของน้องหมาอาจจะไม่แสดงออก และไม่เป็นอันตรายในทันที แต่หากน้องหมาได้รับอาหารต้องห้ามที่เป็นอันตรายเข้าไปบ่อยๆ ก็จะเกิดการสะสม ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ในอนาคต ซึ่งอาจหมายถึงชีวิตของน้องหมาก็ได้ค่ะ

     เพราะฉะนั้น ก่อนที่ผู้เลี้ยงจะให้น้องหมากินอะไร หรือหากไม่แน่ใจว่าน้องหมากินเข้าไปแล้วจะให้ประโยชน์หรือให้โทษ ผู้เลี้ยงก็ควรศึกษาหาข้อมูลให้แน่ชัดจริงๆ ก่อน เพื่อน้องหมาจะได้มีสุขภาพที่ดี และอยู่กับเราไปนานๆ นะคะ ซึ่งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความ อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข [Infographic] ผักและผลไม้ ที่มีคุณและโทษต่อสุนัข 
 
Dogilike.com :: ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข!

     มีข้อไหนที่เพื่อนๆ เคยทำกันบ้างไหมเอ่ย? ... ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะว่า การที่เราห่วงใยน้องหมา และเป็นห่วงน้องหมามากจนเกินไปนั้นอาจเป็นการทำร้ายน้องหมาทางอ้อมได้ ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ก่อนที่เพื่อนๆ จะมอบสิ่งต่างๆ ให้กับน้องหมาก็อย่าลืมที่จะศึกษาหาข้อมูล หรือปรึกษาสัตวแพทย์กันก่อนเพื่อความแน่ใจ และเพื่อน้องหมาจะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อยู่กับเราไปนานๆ ค่ะ ^^”

ภาพประกอบ :
http://snake6630.deviantart.com/art/sad-dog-110227481
http://scoot75.deviantart.com/art/buddy-the-dog-29008107
http://deingel-dog-stock.deviantart.com/art/Best-Friends-206853117
http://pengu82.deviantart.com/art/HUNGRY-MUST-EAT-111474502
http://tomascher.deviantart.com/art/Dog-57785818
http://jeni-cek.deviantart.com/art/dog-II-95161165
http://pets.iloveindia.com/dogs/dog-grooming.html
http://www.petsafe.net/blog/2013/01/09/is-your-pet-ready-to-be-dressed-up/inkheart/
http://egotvonline.com/2011/07/21/dogs-eating-ice-cream-cones/
http://animalfair.com/home/cool-summer-pet-tips/dog_and_fan/
http://www.thegoldenbarkery.com/our-menu/dog-eats/pup-cakes/
http://wolvenxwings.deviantart.com/art/I-Can-Haz-Cupcake-174685167
http://www.fivestardogresort.net/2011/dog-baths/
http://paddingtonpups.com.au/blog/dog-grooming-tips-a-day-in-paddington-pups-grooming-salon/dog-bath
ติดตาม Pet Dream Design ได้ที่ https://www.facebook.com/lamoon.chiangsong 

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ "จัดที่นอน"

Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน

      สำหรับเพื่อนๆ ที่เลี้ยงน้องหมาสายพันธุ์เล็ก โดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเลี้ยงพวกเขาไว้ในบ้านใช่ไหมคะ ... เพราะด้วยความที่พวกเขาตัวเล็ก ดูบอบบางน่าทะนุถนอม ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จึงเลี้ยงเขาเอาไว้ใกล้ๆ ตัว เพื่อที่จะได้ง่ายต่อการดูแล 

     เพื่อนๆ บางคนอาจจะอนุญาตให้น้องหมาขึ้นมานอนบนเตียงกับเจ้าของได้ ในผู้เลี้ยงที่อนุญาตให้น้องหมานอนด้วยเป็นประจำ อาจมีสิ่งที่เพื่อนๆ จะต้องระวัง เช่น ในเรื่องของความสะอาด เห็บหมัด หรือเส้นขนของน้องหมาที่หลุดร่วงบนที่นอนอาจมีผลทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ไม่เพียงแค่นั้นการให้น้องหมานอนบนที่นอนเดียวกับผู้เลี้ยงยังอาจจะทำให้น้องหมาเข้าใจลำดับของตัวเองในครอบครัวผิดๆ โดยอาจเข้าใจว่าตัวเองนั้นมีลำดับในครอบครัวเทียบเท่ากับผู้เลี้ยง ซึ่งในระยะยาวก็อาจจะทำให้น้องหมารู้สึกไม่เคารพผู้เลี้ยงและอาจถูกน้องหมายึดเตียงนอนเอาไว้เป็นอาณาเขตของตัวเอง นอกจากนี้การให้น้องหมาตัวเล็กๆ นอนบนเตียงอาจจะทำให้เกิดอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ เช่น ด้วยขนาดตัวที่เล็กอาจทำให้ผู้เลี้ยงเผลอนอนทับน้องหมาโดยไม่รู้ตัว หรือนอนหมาอาจจะพลัดตกเตียงทำให้ขาหักได้ เป็นต้น

     จะเห็นได้ว่าการให้น้องหมาตัวเล็กๆ นอนกับผู้เลี้ยงนั้น มีสิ่งที่ต้องระวังและข้อเสียหลายๆ อย่าง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้เลี้ยงและน้องหมา รวมไปถึงเพื่อเป็นการฝึกนิสัยที่ดีมีระเบียบวินัย ผู้เลี้ยงจึงควรจัดที่นอนที่เหมาะสมเอาไว้ให้น้องหมาค่ะ ...

 

การจัดที่นอนให้น้องหมา


     สิ่งที่สำคัญในการจัดที่นอนให้น้องหมาก็คือ การแบ่งสัดส่วนพื้นที่ที่นอนที่ชัดเจน เพราะว่าการเลี้ยงน้องหมาพันธุ์เล็กไว้ในบ้านนั้น สมาชิกในครอบครัวก็ต้องคลุกคลีกับน้องหมาอยู่แล้ว การจัดให้น้องหมานอนเป็นที่ ก็จะทำให้ดูแลความสะอาดได้ง่าย และยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะฝึกให้น้องหมาเรียนรู้สึกพื้นที่ของเขาเองว่ามีขอบเขตจำกัดแค่ไหน ... เอาละ !! เรามาดูหลักการจัดที่นอนให้น้องหมาพันธุ์เล็กที่เลี้ยงไว้ภายในบ้านกันเลยดีกว่าค่ะ
 
Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน
 

อยากให้น้องหมานอนในกรง ...


     การให้น้องหมานอนกรงเป็นการจำกัดพื้นที่ให้น้องหมาที่ดีอีกวิธีหนึ่ง ถ้าหากผู้เลี้ยงฝึกให้น้องหมานอนในกรงตั้งแต่เล็กๆ น้องหมาจะเรียนรู้ว่าที่นอนของเขาจะอยู่ในกรง เมื่อนาฬิกาชีวิตเขาหมุนมาถึงเวลานอน เขาก็จะเข้าที่นอนได้เองโดยอัตโนมัติ

     การเตรียมพร้อมสำหรับให้น้องหมาตัวเล็กๆ นอนกรงนั้น จะต้องเตรียมเบาะนอน หรือผ้านวมที่ไม่ใช้แล้วมาปูรองให้น้องหมานอนก่อนค่ะ เพราะพื้นของกรงเป็นตะแกรงอาจจะทำให้น้องหมารู้สึกเจ็บและรู้สึกไม่สบายตัวเวลานอน ในกรณีที่พื้นของกรงเป็นไม้ พื้นไม้อาจจะเย็น อาจจะทำให้น้องหมาป่วยได้ และควรติดตั้งขวดให้น้ำเอาไว้ในน้องหมาด้วย ทั้งนี้ ที่ให้เลือกใช้แบบที่ให้น้ำแบบขวดที่สามารถติดกับกรงได้ เพราะถ้าหากนำน้ำใส่ชามไว้ให้น้องหมา น้องหมาอาจจะทำน้ำหกระหว่างที่นอนอยู่ในกรงได้
 
Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน
 

การเลือกกรงให้น้องหมา


     สำหรับการเลือกกรงให้น้องหมาพันธุ์เล็กนั้นมีีวิธีพิจารณาง่ายๆ ดังนี้ค่ะ ...

     1. ถึงแม้กรงของน้องหมาพันธุ์เล็กส่วนใหญ่จะตั้งอยู่แต่ในบ้าน แต่ก็ควรให้ความสำคัญกับความทนทานของวัสดุที่ใช้ทำกรง ไม่ควรเป็นวัสดุที่ขึ้นสนิมได้ง่าย และจะต้องมีความทนทานต่อการกัดแทะของน้องหมาได้สูง เพราะน้องหมาอาจจะกัดแทะหรือเลีย ทำให้มีผลเสียต่อร่างกายของน้องหมาได้ค่ะ 
     2. ควรมีถาดรองรับสิ่งสกปรกอยู่ข้างล่าง สามารถชักเข้า ชักออกไปทำความสะอาดได้ง่าย
     3. ตัวกรงจะต้องมีขนาดพอเหมาะ ที่จะทำให้น้องหมาเดินกลับตัวไปมาได้สะดวก โดยเฉพาะเวลาลุกขึ้นยืนไม่อึดอัด หรือเตี้ยแคบ จนเกินไป
     4. ควรเป็นกรงชนิดที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก มีน้ำหนักไม่มาก เพื่อให้ง่ายแก่การนำกรงน้องหมาออกไปล้างทำความสะอาด และตากแดดฆ่าเชื้อ
     5. จะต้องเป็นกรงที่อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก ควรติดตาข่ายขนาดถี่ เพื่อป้องกันยุงกัดในเวลากลางคืนด้วย

     การมีกรงให้น้องหมาไม่ใช่เพื่อเจตนาจะเลี้ยงน้องหมาให้อยู่ในกรงตลอดเวลา เพราะถ้าหากทำแบบนั้นจะทำให้พฤติกรรมของน้องหมาเปลี่ยนไปเป็นก้าวร้าว เนื่องจากโดยธรรมชาติของน้องหมาเขาอยากอยู่ใกล้ชิดกับผู้เลี้ยง โดยเฉพาะเมื่อตอนเขาอายุ 2-5 เดือนแรก ไม่ควรกักขังอยู่แต่ในกรงเด็ดขาด เพราะจะทำให้มันขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและสัตว์อื่นได้ ผู้เลี้ยงควรฝึกให้น้องหมา เข้า-ออก จากกรงเป็นเวลา วิธีนี้จะทำให้น้องหมาเคยชินและรู้ดีว่านั่นหมายถึงเวลาขับถ่ายของเสีย เวลาทานอาหาร ควรปฏิบัติและทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จะทำให้น้องหมามีนิสัยที่ดีค่ะ


Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน
 


อยากให้น้องหมานอนในคอก ...


     ถ้าต้องการจะให้น้องหมานอนในคอก เพื่อให้น้องหมามีอิสระในการใช้พื้นที่แต่ยังคงต้องการจำกัดบริเวณของน้องหมาอยู่ วิธีการจัดที่นอนก็จะคล้ายๆ กับการจัดที่นอนของน้องหมาในกรงค่ะ คือ หาผ้านวม หรือผ้าที่ไม่ใช้แล้วมาปูรองให้น้องหมานอน  หรือเพื่อนๆ จะเปลี่ยนเป็นเบาะนอน หรือเตียงนอนสำหรับน้องหมาก็ได้ค่ะ เพราะในคอกน้องหมามีพื้นที่มากกว่าในกรงจึงสามารถวางเบาะหรือเตียงได้ค่ะ


Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน
 


การเลือกซื้อเบาะนอนหรือเตียงนอน


     ต้องเลือกแบบที่สามารถถอดมาซักได้ด้วยนะคะ เผื่อเวลาที่สกปรกมาก ๆ เราจะได้ถอดออกมาซักได้ เหตุผลที่ยังคงต้องปูผ้าหรือใช้เบาะรองก่อน ก็เพราะว่าพื้นห้องอาจจะเย็น อาจทำให้น้องหมาป่วยได้ และเช่นเดียวกับการให้น้องหมานอนกรงค่ะ ควรติดตั้งขวดให้น้ำเอาไว้ให้น้องหมาด้วยค่ะ และควรติดตั้งไว้ห่างจากบริเวณเบาะนอนหรือเตียงนอนของน้องหมา เพื่อป้องน้องหมาทำน้ำหกโดนที่นอนซึ่งจะทำให้เกิดความสกปรกเปียกชื้นได้ค่ะ และที่ขาดเจ้าสิ่งนี้ไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ แผ่นยางกันลื่นค่ะ เพราะพื้นที่่ลื่นอาจจะทำให้น้องหมามีปัญหาในการเดินได้ เช่น อาการสะบ้าเคลื่อน ที่พบได้ในสุนัขพันธุ์เล็กค่ะ


Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน
 


อยากให้อิสระกับน้องหมา ...


     ถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่ไม่อยากจำกัดขอบเขตการนอนของน้องหมา หรืออยากจะให้น้องหมามีอิสระในการใช้พื้นที่ ก็สามารถจัดได้เหมือนกับการจัดในคอกเลยค่ะ คือ ต้องเตรียมที่นอนให้เขาด้วย  อาจจะเป็นเบาะนุ่ม ๆ หรือเตียงนอนสำหรับน้องหมา หรือใครที่ยังไม่มั่นใจว่าน้องหมาจะชอบหรือไม่ชอบที่นอนที่เตรียมไว้ให้ และยังไม่มั่นใจว่าน้องหมาของเราจะไม่ทำลายสิ่งของหรือไม่ ก็อาจจะใช้ผ้านวมเก่าๆ ปูพื้นที่ให้เขารองนอนไปก่อนก็ได้ค่ะ

     ผู้เลี้ยงควรแบ่งบริเวณให้น้องหมานอนเป็นที่ หรืออาจจะเป็นมุมใดมุมหนึ่งของห้องก็ได้ค่ะ ไม่ควรให้น้องหมามีอิสระในการใช้พื้นที่ห้องที่กว้างเกินไป (ไม่ควรให้น้องหมามานอนเล่นบริเวณเตียงนอนของผู้เลี้ยงเด็ดขาด เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้ว่าตัวเองมีพื้นที่แค่ไหน และพื้นที่ไหนในห้องที่เข้าไปไม่ได้) เพราะจะทำให้น้องหมาไม่กลับมานอนในที่ของตัวเองค่ะ


Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน



จุดสังเกต
 

     น้องหมาบางตัวอาจจะไม่ชอบนอนบนเบาะที่เราเตรียมไว้ให้ แต่น้องหมากลับชอบนอนบนพื้นเย็นๆ เพื่อน ๆ อาจจะต้องใส่เสื้อให้กับน้องหมาก่อนนะคะ เพราะไม่เช่นนั้น น้องหมาอาจจะป่วยเป็นไข้หรือมีอาการปอดบวมได้ค่ะ
ส่วนใหญ่ถ้าเป็นน้องหมาพันธฺุ์เล็กและมีขนสั้น ถ้าหากนอนห้องแอร์เป็นประจำ มิ้มแนะนำว่าเวลานอนควรใส่เสื้อทุกครั้งนะคะ จะได้เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายน้องหมาค่ะ


Dogilike.com :: สร้างวินัยภายในบ้านให้น้องหมาด้วยการ จัดที่นอน
    
     เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับวิธีการจัดที่นอนให้น้องหมานอนหลับฝันดี ... การจัดที่นอนให้น้องหมานอนเป็นที่เป็นทาง นอกจากจะสร้างวินัยให้กับน้องหมาแล้ว ยังช่วยให้เจ้าของสามารถดูแลความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย  อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุกับน้องหมา ในกรณีที่เจ้าของเอาน้องหมาขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย อาจจะทำให้น้องหมาผลัดตกลงมาจากเตียงและบาดเจ็บได้ ในกรณีน้องหมาอาจจะไปนอนในซอกแคบๆ ทำให้น้องหมาติดอยู่ในซอกแล้วไม่สามารถออกมาจากซอกได้  อีกในกรณีหนึ่งก็คือ การที่น้องหมามีอิสระในการเลือกที่นอนมากเกินไป น้องหมาอาจจะไปนอนในบริเวณที่มีสายไฟเยอะๆ เช่น ใต้โต๊ะคอมฯ  ซอกหลังตู้วางทีวี หรือตู้เย็น ทำให้น้องหมาอาจจะโดนไฟดูดได้ค่ะ

     สุดท้ายนี้ !! สิ่งสำคัญและขาดไม่ได้เลยนั้น ควรจะเป็นเรื่องความสะอาดที่เพื่อน ๆ ต้องหมั่นคอยดูแลไม่ให้ที่นอนและรอบๆ บริเวณที่น้องหมานอนสกปรกเป็นอันขาดค่ะ เพราะถ้าเราละเลย อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เห็บ หมัด และอาจทำให้น้องหมาของเราไม่สบายได้ค่ะ


ขอบขอบคุณ

บทความโดย : Dogilike.com

ข้อมูลอ้างอิง :
ข้อมูลจากหนังสือ คู่มือเลี้ยงสุนัข
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=764462

ภาพประกอบ :
http://www.dog-crates.com.au/
http://www.craftyminx.com/2011/09/a-big-sigh-of-relief.html
http://pets.iloveindia.com/dogs/dog-beds.html
http://www.goodbusinessdirectory.co.uk/news/dog-clothes-as-gifts/
http://favim.com/image/285263/
http://missjuliaspatterns.blogspot.com/2012/10/free-patterns-30-going-to-dogs-in-knit.html
http://dogtraining-tip.blogspot.com/2010/06/dog-donut-bed.html

ติดตาม Pet Dream Design ได้ที่ https://www.facebook.com/lamoon.chiangsong 

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Dog War ยุติสงคราม 4 ขา ใน 5 ขั้นตอน


Dog War ยุติสงคราม 4 ขา ใน 5 ขั้นตอน (Dogazine Healthy)
เรื่องโดย : น.สพ.กมล ภาคย์ประเสริฐ

           ครั้งที่สามแล้วที่ผมเย็บแผลฉีกขาดจากการกัดกันให้สุนัขตัวนี้ ปัญหาเดิม ๆ คือ สุนัขกัดกับสุนัขอีกตัวในบ้าน ยังไม่นับการเป็นแผลเล็กแผลน้อยอีกหลายต่อหลายครั้ง หากใครประสบกับปัญหาเดียวกันคงไม่แปลก หากเริ่มหมดความอดทน ในใจคงคิดว่าจะจัดการอย่างไรดี ระหว่างยกสุนัขอีกตัวไปให้คนอื่น แยกบริเวณกันเลี้ยงไปเลยแบบตลอดชีวิตนี้ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก หรือปล่อยไปตามยถากรรมให้กัดกันไป เป็นแผลเมื่อไหร่ก็ค่อยพาไปหาหมอ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจหากคุณยังไม่เข้าใจสาเหตุว่าทำไมสุนัขในบ้านของคุณถึงต้องทะเลาะกันเอง ผมมีคำแนะนำสำหรับแนวทางการปรองดองของสุนัขภายในบ้าน และเชื่อว่าน่าจะพอแก้ปัญหาได้หาก "สงคราม 4 ขา" ในบ้านของคุณยังไม่รุนแรงเกินไป

ชนวนสงคราม

           สุนัขเพศเดียวกันมีโอกาสที่จะทะเลาะกันได้มากกว่า โดยจะเริ่มเกิดปัญหาเมื่อสุนัขอายุได้ 6 ถึง 12 เดือน หรือเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ปัญหาจะค่อยๆ รุนแรงขึ้นเมื่อสุนัขอายุ 1 ถึง 3 ปี หากยิ่งมีความสับสนเกี่ยวกับสถานภาพของสุนัขภายในบ้าน จากการที่มีสุนัขป่วย แก่ เสียชีวิต หรือหายไปจากบ้าน (เช่น ไปนอนโรงพยาบาล) เป็นระยะเวลานานๆ จะยิ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สุนัขทะเลาะกันได้ง่ายขึ้นโดยปัจจัยกระตุ้นในการกัดกันแต่ละครั้งมักมาจากอาหาร ของเล่น นม ความใกล้ชิดเจ้าของ การหวงพื้นที่ การอยู่ใกล้กันในพื้นที่แคบๆ หรือมีสุนัขตัวใดตัวหนึ่งอยู่ในสภาวะที่ตื่นเต้นมากเกินไป

           ลูกสุนัขที่ขาดการเรียนรู้การเข้าสังคม ในช่วงอายุ 3 ถึง 12 สัปดาห์ ไม่เคยเจอสุนัขตัวอื่นเลย มักแสดงความก้าวร้าวต่อสุนัขตัวอื่นได้ง่าย และมักหลบเลี่ยงที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับสุนัขตัวอื่น



5 ขั้นตอนในการแก้ไขปัญหา

           ขั้นที่ 1 : บันทึกไดอารี่ 4 ขา

           สิ่งแรกสุดที่อยากให้บ้านที่มีปัญหาสุนัขทะเลาะกันทำ คือให้เริ่มจดบันทึก ว่าสุนัขที่บ้านมักจะแสดงความก้าวร้าวใส่กันที่บริเวณไหน แสดงท่าทางและส่งเสียงอย่างไร สภาพแวดล้อมขณะนั้นเป็นอย่างไร อะไรเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สุนัขกัดกันอาหาร กระดูก หรือมักทะเลาะกันเวลาที่ต้องขึ้นบันไดแคบ ๆ พร้อมกัน และเวลาที่กัดกันเป็นแค่ช่วงเวลาที่เจ้าของอยู่หรือทุกเวลา เช่น เจ้าของกลับบ้านมาก็เจอแผล เจอคราบเลือด คราบน้ำลายประโยชน์ที่ได้จากการบันทึก คือ คุณจะรู้ว่าสุนัขตัวไหนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เข้าใจสัญญาณเตือนของสุนัขก่อนที่จะกัดกัน เช่น การจ้องหน้า แยกเขี้ยว ขู่คำรามในคอ รวมถึงสามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมที่เป็นตัวกระตุ้นให้สุนัขกัดกันได้

           ขั้นที่ 2 : Safety first

           ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดครับ เวลาที่สุนัขกัดกันหากเจ้าของพยายามเข้าไปแยกโดยตรงตอนจบคงหนีไม่พ้นต้องได้แผลทั้งสุนัขและเจ้าของ เพราะสุนัขที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโหอาจกัดเจ้าของได้โดยไม่ตั้งใจ การแยกสุนัขกัดกันที่ปลอดภัยควรใช้การฉีดน้ำ กรณีสุนัขตัวเล็กอาจใช้วิธีโยนตะกร้าผ้าไปครอบสุนัขตัวใดตัวหนึ่งไว้ แต่วิธีการนี้อาจไม่ได้ผลกับสุนัขหลายๆ ตัว สุนัขที่กัดกันรุนแรงและกัดกันในช่วงเวลาที่เจ้าของไม่อยู่ควรแยกกันเลี้ยงก่อน อย่าให้อยู่ด้วยกันโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เจ้าของไม่สามารถดูแลได้การใส่ตะกร้อครอบปากเป็นเรื่องจำเป็นในกรณีที่สุนัขมีปัญหากัดกันรุนแรงโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน อีกทางเลือกในการควบคุมสุนัขที่ง่ายกว่าและสุนัขไม่รู้สึกอึดอัด คือ การใส่ Head Halter ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับบังคับทิศทางศีรษะของสุนัข สุนัขที่สวม Head Halter จะยังสามารถอ้าปากได้ กินอาหารได้ แต่เมื่อเจ้าของดึงสายจูง ปากของสุนัขจะถูกปิดทันที แล้วเราสามารถที่จะเบนหัวและคอของสุนัขไปทางไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ โดยที่สุนัขไม่เกิดอันตราย

           Head Halter มีประโยชน์มากในการห้ามสุนัขที่กำลังจะทะเลาะกัน และในการฝึกเพื่อการปรับพฤติกรรมที่จะกล่าวถึงต่อไป ดังนั้นควรใส่ Head Halter และสายจูงไว้ทุกครั้งที่สุนัขต้องอยู่ด้วยกันนะครับ

           ข้อควรระวังอื่น ๆ ที่เจ้าของควรรู้ คือ เมื่อคุณกลับถึงบ้าน สุนัขมักอยู่ในสภาพที่ตื่นตัว ซึ่งอาจเหนี่ยวนำให้กัดกันได้ง่าย เจ้าของจึงควรทักทายสุนัขด้วยโทนเสียงต่ำ อย่าใช้โทนเสียงสูง เพราะจะยิ่งทำให้สุนัขตื่นเต้น และเจ้าของยังไม่ควรให้ความสนใจกับสุนัขทั้งสองตัว ควรรอให้สุนัขสงบลงก่อน หลีกเลี่ยงการให้ขนมที่น่ากินมากๆ หรือการให้หนังสัตว์สำหรับเคี้ยว ซึ่งมักจะกินไม่หมดในครั้งเดียว เพราะมักเป็นขนวนเหตุให้สุนัขกัดกันได้ยกเว้นในเวลาที่อยู่กับสุนัขแค่ตัวใดตัวหนึ่ง หรือสุนัขแต่ละตัวอยู่ภายใต้สายจูง เจ้าของควรหลีกเลี่ยงการให้สุนัขอยู่ด้วยกันในสถานที่แคบๆ เช่น เดินผ่านประตู หรือขึ้นบันไดพร้อมกัน ยกเว้นอยู่ในสภาพที่มั่นใจว่าสามารถควบคุมได้

           ขั้นที่ 3 : บ้านนี้ใครใหญ่

           ก่อนปรับพฤติกรรมเจ้าของต้องทำความเข้าใจกับสังคมพื้นฐานของสุนัขก่อนครับ เพราะสังคมของสุนัขที่อยู่ร่วมกันหลายตัวในบ้านจะต้องมีสุนัขที่เป็นผู้นำ สภาพการเป็นผู้นำจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและสถานการณ์ที่แตกต่างกันไปส่วนมากสุนัขที่ยังหนุ่มยังสาว สุนัขที่ตัวใหญ่ และมีสุขภาพแข็งแรงมักจะเป็นผู้นำ แต่ก็ไม่เสมอไป ดังนั้นเจ้าของต้องฝึกสังเกตพฤติกรรมและภาษาของสุนัขในบ้านด้วยว่าสุนัขตัวไหนกันแน่ที่เป็นผู้นำ เพราะสาเหตุที่สุนัขในบ้านทะเลาะกันส่วนใหญ่มักมาจากสภาวะการเป็นผู้นำของสุนัขในบ้านเกิดความสับสนตัวอย่างเช่น

           1. เจ้าของไปให้ความสนใจกับสุนัขตัวอื่นมากกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสุนัขที่เป็นผู้นำ :เจ้าของมักเจอปัญหาว่าสุนัขกัดกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าของ แต่หากเจ้าของไม่อยู่ กลับบ้านมาแทบไม่เคยพบบาดแผลหรือรอยเลือดเลย สาเหตุเพราะเมื่อเจ้าของให้ความสนใจไปดูแลสุนัขตัวอื่นในบ้าน สุนัขที่เป็นผู้นำมักอยากจะเข้าไปแทนที่เพื่อให้เจ้าของเล่นด้วยหรือแปรงขนให้ อาจเริ่มจากใช้สายตาคุกคามและขู่สุนัขตัวนั้น เจ้าของมักไม่พอใจเมื่อสุนัขขู่การที่สุนัขที่เป็นผู้นำถูกดุหรือลงโทษยิ่งเป็นการให้ท้ายสุนัขตัวที่ได้รับการดูแลจากเจ้าของ และเกิดการเรียนรู้ว่าตัวเองจะได้รับความสนใจเมื่อมีเจ้าของอยู่ ในขณะที่เวลาเจ้าของไม่อยู่สุนัขตัวนั้นก็จะยอมสุนัขที่เป็นผู้นำตามปกติ

           แก้ไข : เจ้าของต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า โดยธรรมชาติสุนัขที่เป็นผู้นำต้องได้รับการดูแล และความสนใจมากกว่าสุนัขตัวอื่นเมื่อเค้าต้องการ ดังนั้นหากเรากำลังเล่นกับสุนัขตัวอื่นอยู่แล้วสุนัขที่เป็นผู้นำต้องการเข้ามาแทนที่ อยากได้รับการดูแลจากเจ้าของบ้าง เราจำเป็นต้องเปลี่ยนมาให้ความสนใจสุนัขที่เป็นผู้นำแทน หรืออาจจะเดินหนีออกมาเลย การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจะได้ผลในกรณีที่เพิ่งเริ่มเกิดปัญหาครับ

           2. เกิดการท้าทายขึ้นในบ้าน เมื่อสุนัขตัวอื่นอยากขึ้นเป็นผู้นำ : สุนัขจะกัดกันไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเจ้าของอยู่ก็ตาม พบบ่อยเมื่อลูกสุนัขโตขึ้นและตัวใหญ่กว่าสุนัขที่เป็นผู้นำเดิม เช่น ลูกเชาว์ เชาว์เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นและตัวใหญ่กว่าสุนัขพูเดิลตัวเก่าที่บ้าน ปัญหาจะไม่เกิดหากสุนัขผู้นำเดิมอยู่ในสภาพที่ป่วยแก่มาก หรือเป็นสุนัขพันธุ์ที่ไม่ชอบการแข่งขัน เช่น บาสเซ็ตฮาวนด์ โดยสุนัขมักจะแสดงท่าทางยอมแพ้ โดยย่อตัว ลดหัวลงต่ำ หรือนอนหงายท้อง เมื่อสุนัขอีกตัวมาท้าทาย แต่หากสุนัขไม่ยอมแพ้และต้องการต่อสู้ด้วยจะแสดงออกโดยยกหางขึ้นและขนตั้งชัน สุนัขพันธุ์ขนเกรียนและหางสั้น เช่น บอสตัน เทอร์เรียร์จะมีปัญหาในการสื่อสารด้วยท่าทางนี้ ทำให้บางครั้งสุนัขที่มาท้าทายเข้าใจผิดว่าผู้นำเดิมไม่คิดจะสู้ด้วยและเกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้น

           แก้ไข : เจ้าของควรเลือกสุนัขที่แข็งแรงและไม่มีปัญหาพฤติกรรมเป็นผู้นำ ปรับพฤติกรรมโดยพาสุนัขทั้งสองตัวออกไปนอกบ้าน เพื่อลดปัญหาในเรื่องของการหวงพื้นที่ และให้อยู่ภาคใต้สายจูง ในระยะห่างที่สุนัขทั้งสองตัวจะไม่แสดงความก้าวร้าวเข้าใส่กัน สั่งให้สุนัขที่เป็นผู้ตามให้หมอบและคอย ในขณะที่สุนัขที่เป็นผู้นำให้อยู่ในท่าเดินตามสายจูง ค่อยๆ ขยับระยะห่างระหว่างสุนัขทั้งสองตัวให้เข้าหากันมากขึ้นทุกวัน และขยับเข้าใกล้บ้านมากขึ้นวันละนิด ในช่วงนอกเวลาฝึกควรแยกสุนัขทั้งสองตัวออกจากกันอย่างเด็ดขาด เมื่อฝึกสุนัขจนเข้ามาในตัวบ้านและสามารถให้สุนัขเดินผ่านหน้าสุนัขที่หมอบได้แล้ว ให้ลองปล่อยให้อยู่ด้วยกันและสังเกตพฤติกรรม สุนัขบางตัวอาจยอมให้ต่อเมื่อเจ้าของสั่งเท่านั้นและยังคงกัดกันอยู่ ซึ่งต้องหาวิธีการอื่นในการปรับพฤติกรรมแทน




           ขั้นที่ 4 : ปรับพฤติกรรม

           สุนัขที่ได้รับการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี มักจะสามารถสั่งแยกสุนัขก่อนที่จะทะเลาะกัน โดยใช้คำสั่งเสียงหรือสัญญาณมือได้ แต่ก่อนอื่นต้องใส่สายจูงและ Head Halter ไว้ที่ตัวสุนัขก่อน และสุนัขต้องเรียนรู้คำสั่ง “ดู” เพื่อดึงความสนใจมาที่เราก่อนที่เจ้าของจะออกคำสั่งอื่น

           ขั้นตอนการฝึกคำสั่ง "ดู"

           1. สั่งให้สุนัข "นั่ง" หรือ "หมอบ" แล้วให้รางวัลในทันทีที่นั่ง
           2. ให้ถือขนมไว้ในมือ โดยเอาไว้ใกล้บริเวณดวงตาทันทีที่สุนัขจ้องมองที่ตาให้คุณให้ขนมในทันที
           3. ทำซ้ำจนสุนัขทำตามได้ดี แล้วจึงเพิ่มคำสั่งว่า “ดู” ลงไป โดยพูดในทันทีที่สุนัขมองตา แล้วให้ขนมพร้อมกับคำชมเป็นรางวัล
           4. ในภายหลังลองสั่งว่า "ดู" โดยไม่ต้องใช้ขนมบ้างเป็นครั้งคราว แต่ให้ชมสุนัขทุกครั้งที่สุนัขทำตาม

           ในการควบคุมสุนัขที่แสดงอาการก้าวร้าวจะทำเมื่อสุนัขเริ่มขู่ หรือแยกเขี้ยว ให้เจ้าของยกสายจูงขึ้นเบาๆ แล้วสั่งให้สุนัข "นั่ง" สายจูงที่ยกขึ้นจะทำให้ Head Halter ปิดปากของสุนัขไปเองออกคำสั่ง "ดู" เพื่อให้สุนัขหันหน้ามามองเราแทน หรือค่อยๆ ดึงสายจูงไปทางด้านข้างให้หัวสุนัขหันหน้าไปทางอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ไม่ให้จ้องตากับสุนัขคู่อริ ให้คำชมทุกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสงบ หรืออาจให้ขนมบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อสุนัขดูผ่อนคลาย เพื่อให้สุนัขเกิดความรู้สึกดีที่จะสงบและไม่ทะเลาะกับตัวอื่น
อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าการที่สุนัขตื่นเต้นหรือตื่นตัวมากมักเป็นขนวนปัญหาที่กระตุ้นให้สุนัขกัดกันได้ การฝึกให้สุนัขเรียนรู้ที่จะสงบจึงเป็นอีกเรื่องที่เจ้าของควรรู้ 

           อีกวิธีการในการบำบัดพฤติกรรมสุนัขให้รู้สึกเคยชินกับการอยู่ร่วมกัน คือ ให้สุนัขทั้งสองกินอาหารห่างกันในระยะที่จะไม่แสดงอาการก้าวร้าว ค่อยๆ เคลื่อนชามอาหารเข้ามาใกล้กันมากขึ้นวันละนิด หากสุนัขแสดงอาการก้าวร้าวให้รีบถอยชามอาหารออกอย่าลืมนะครับว่าในการฝึกทุกครั้งต้องใส่สายจูงและ Head Halter การที่สุนัขได้รับอาหารในระยะที่อยู่ใกล้ๆ กัน (ไม่มากเกินไป) ถือเป็นการให้รางวัลและสร้างทัศนคติที่ดีเวลาที่สุนัขได้เจอกัน แต่ควรหลีกเลี่ยงใช้วิธีการนี้กับสุนัขที่มีความก้าวร้าวเนื่องจากการหวงอาหาร

           ขั้นที่ 5 : พบสัตวแพทย์

           สัตวแพทย์ใกล้บ้านท่านเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดเวลาที่สุนัขมีปัญหาพฤติกรรม ในบางครั้งความก้าวร้าวของสุนัขก็มาจากอาการเจ็บป่วย ปวดตามตัว ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและก้าวร้าวการพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและตรวจเลือดจึงเป็นเรื่องจำเป็น สุนัขหลายตัวพบว่าความก้าวร้าวมีพื้นฐานมาจากปัญหาอื่น เช่น การหวงพื้นที่มากผิดปกติ ความกลัว หรือความรู้สึกกังวลใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การแก้ปัญหาที่ตรงจุดเท่านั้นถึงจะแก้ปัญหาความก้าวร้าวในสุนัขกลุ่มนี้ได้ ซึ่งบางตัวอาจจำเป็นต้องใช้ยาร่วมในการรักษา ทั้งนี้ การทำหมันสุนัขเพศผู้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดปัญหาสุนัขตัวผู้ทะเลาะกันเองในบ้าน ลองปรึกษาสัตวแพทย์ใกล้บ้านท่านดูนะครับ แล้วพบกันใหม่เดือนหน้าสวัสดีครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ติดตาม Pet Dream Design ได้ที่ https://www.facebook.com/lamoon.chiangsong